ถ้าเราจะกล่าวถึงบุคคลที่มีหัวใจอาสาและการให้ “มาติยะ จะบู” คงจะเป็นหนึ่งชื่อที่ชาวบ้านใน ต.วาวี จ.เชียงราย กล่าวถึง เพราะเธอเป็นทั้ง อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัครศุภนิมิตฯ และครูศูนย์การศึกษาพิเศษในจังหวัดเชียงราย ผู้ทุ่มเทเวลากว่า 17 ปี ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เด็กพิการ และเด็กพิเศษ (เด็กที่มีความบกพร่อง) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ผู้ขาดแคลนได้รับโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“พี่เริ่มเป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ตั้งแต่ยังไม่มีค่าตอบแทน ทำเพราะอยากจะช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะผู้เจ็บป่วย ผู้ป่วยติดเตียง หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือในชุมชน ซึ่งพี่ไม่เพียงแค่เยี่ยมเยียนครอบครัวที่ยากลำบาก แต่พี่ยังพยายามนำเสนอข้อมูลความจริงต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือที่เหมาะสมและทันเวลา” มาติยะ เล่าถึงเรื่องราวเมื่อครั้งเริ่มต้นทำงานอาสาสมัคร
ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้มากยิ่งขึ้น มาติยะ ตัดสินใจสมัครเป็นครูศูนย์การศึกษาพิเศษ ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นงานที่ไม่ใช่แค่การทำหน้าที่ แต่เป็นการเสียสละเพื่อสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีคุณค่าสำหรับเธอ
“สิ่งที่พี่ทำมาตลอดคือการเข้าไปค้นหาเด็กๆ ที่เป็นเด็กพิการ หรือ เด็กพิเศษ และนำข้อมูลกลับมาเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เขาได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเหมาะสม ทั้งการเข้าสู่กระบวนการพัฒนาและความช่วยเหลืออื่นๆ เช่น การสนับสนุนผ้าอ้อม นม และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เพราะครอบครัวที่มีเด็กกลุ่มนี้มักจะเผชิญกับความลำบากอย่างมาก หลายครอบครัวต้องมีคนดูแลเด็กตลอดเวลา สูญเสียโอกาสในการทำงานและหารายได้ ”
ครอบครัวของมาติยะได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ พื้นที่โครงการพัฒนาฯ แม่สรวย จ.เชียงราย ผ่านโครงการอุปการะเด็ก และได้รับการสนับสนุนทั้งเมล็ดพันธุ์ วัสดุ อุปกรณ์ และการอบรมให้ความรู้การทำเกษตรปลอดภัย จากการดำเนินโครงการการดำรงชีวิตเพื่อความมั่นคงในชุมชน ทำให้มาติยะและครอบครัวสามารถทำการเกษตร มีผลผลิตจำหน่ายเป็นรายได้ และมีพอที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่นในชุมชน อีกทั้งตอนนี้เธอและครอบครัวยังเป็นต้นแบบให้กับครอบครัวอื่นๆ ในการทำเกษตรเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นและลดการใช้สารเคมี และเธอยังได้เต็มใจเป็นอาสาสมัครศุภนิมิตฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในพื้นที่โครงการพัฒนาฯ แม่สรวย จ.เชียงราย
“ครอบครัวของพี่ได้รับความช่วยเหลือหลายอย่างจากศุภนิมิตฯ ตั้งแต่ลูกชายคนโตเป็นเด็กนักเรียน จนตอนนี้อายุ 25 ปี มีงานทำแล้ว หนึ่งในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับครอบครัวเรามาก คือ การได้รับการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์เพื่อทำการเกษตร เพราะทำให้เราปลูกผักได้ มีผักปลอดภัยกินในครอบครัว เหลือเราก็ขายและแบ่งปัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยั่งยืนมาก ตอนนี้ในกลุ่มของพี่มี 8 ครอบครัวที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง”
“พี่เชื่อว่าการให้ด้วยใจเป็นสิ่งที่พระเจ้าอวยพร เราใช้ชีวิตเป็นพยานให้คนอื่นเห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อสังคม ด้วยความเชื่อว่าพระเจ้าจะอวยพรให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น วันนี้ลูกๆ ของพี่เติบโตเป็นคนดี มีอาชีพที่มั่นคง และครอบครัวของเรามีชีวิตที่ดีขึ้น มันทำให้พี่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้มากขึ้นตามความตั้งใจที่ว่า ซึ่งพี่และครอบครัวตั้งใจจะช่วยเหลือคนอื่นไปจนกว่าจะทำไม่ได้ และจะรับใช้พระเจ้าตลอดไป”