‘กอ อะ กะ กอ อา กา กอ อิ กิ’ เสียงเจื้อยแจ้วนี้ดังขึ้นทุกเช้าในห้องเรียน สัญญาณของการเริ่มต้นการเรียนรู้ฝึกอ่าน ฝึกเขียนของเด็กนักเรียนภายใต้ ‘โครงการอ่านออกเขียนได้ ทันใจประทับจิต ชีวิตมีคุณภาพ’ ในพื้นที่การดำเนินงานโครงการพัฒนามูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีษะเกษ
โครงการอ่านออกเขียนได้ ทันใจประทับจิต ชีวิตมีคุณภาพ โดยมูลนิธิศุภนิมิตฯ จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในเด็ก โดยเฉพาะเด็กในวัยเริ่มเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาตอนต้น โดยได้รับการพัฒนาจัดทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีทั้งแบบเรียน แบบฝึกหัด สื่อการเรียนการสอน และคู่มือครู โดยได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการให้สามารถใช้เป็นแบบเรียนในโรงเรียนได้
คู่มือนี้ทำได้จริงในโรงเรียนหรือไม่ ฟังจากเสียงบอกเล่าของผู้ใช้จริง
นายอำนาจ น้อยแสง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่การดำเนินงานโครงการพัฒนาฯ อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีษะเกษ เล่าย้อนไปว่า “เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่ได้รู้จักและร่วมงานกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ ปัญหาสำคัญของโรงเรียนเราคือการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ เด็กที่อยู่ ป.3-ป.4 ยังเจอปัญหาเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ค่อนข้างเยอะ พบเกือบ 5 % ของโรงเรียน ซึ่งเป็นผลเสียต่อการจัดการเรียน การสอนในระดับชั้นที่โตขึ้น แต่พอได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ เราได้รับการส่งเสริมการอ่าน การเขียนตั้งแต่อนุบาล โดยมีเครื่องมือที่มูลนิธิศุภนิมิตฯ และเครือข่ายสายวิชาการได้นำมาพัฒนา เป็นเครื่องมือที่ดีมาก พอเด็กขึ้น ป.1 ก็สามารถอ่านออก เขียนได้ตามที่เราตั้งไว้ ทำให้เด็กเราอ่าน เขียนได้เร็วขึ้นซึ่งมีผลกับการสอบReading Test”
Reading Test คืออะไร
ในทุกปีการศึกษาจะมีการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (Reading Test) หรือ RT เป็นการทดสอบทักษะการอ่านของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซี่งประเมินการอ่านออกเสียง และการอ่านรู้เรื่อง โดยสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และในปีการศึกษา 2566 ล่าสุด พบว่า การอ่านออกเสียงของเด็กทั้งประเทศ คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 79.93 % ด้านการอ่านรู้เรื่องอยู่ที่ 78.06 % ซึ่งของทางโรงเรียนอยู่ที่ 94.26 % และ 87.06 % ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าระดับประเทศทั้ง 2 ด้าน
ผอ. อำนาจ เล่าเสริมว่า “คู่มือนี้เราเริ่มใช้ในโรงเรียน ในปี 2562 พัฒนาการที่เห็นได้ชัดเจนคือ คะแนน RT ของเด็ก ป.1 ของโรงเรียนสูงกว่าระดับประเทศหลายปีติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลมาจากหลักสูตรนี้ เวลาเราทำงาน มันมีเป้าหมายเดียวกัน เหมือนเราวิ่งผลัด เราเป็นทีมเดียวกัน ส่งต่อไม้เดียวกัน ปูพื้นมาตั้งแต่สระ พยัญชนะ พอจบเล่ม 4 เด็กอ่านออกเขียนได้ที่ ป.1 พอ ป.2 จะเป็นพัฒนาเรื่องอ่านคล่อง เขียนคล่อง และพัฒนาการอ่านรู้เรื่องต่อไป” ซึ่งชุดแบบฝึกหัดอ่านออกเขียนได้ทันใจฯ มีทั้งหมด 4 เล่ม พร้อมคู่มือ สำหรับใช้ในการพัฒนาการอ่านเขียนได้แก่เด็ก ตั้งแต่ระดับปฐมวัย อนุบาล จนถึงระดับประถมศึกษา ได้แก่นำร้อง เล่น เน้นท่าทาง แจกลูกสะกดคำนำร้องเล่น อ่านเขียน เรียนสุขใจ ทวนอ่านเขียน เรียนประโยค
พอเด็กอ่านได้ เขียนได้ เขาอยากเรียนมากขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นจากการนำหลักสูตรนี้มาใช้ในโรงเรียน “ภาพบรรยากาศการเรียนการสอน เป็นหัวใจสำคัญเลย พอเด็กเขามีความมั่นใจ เขาอ่านหนังสือได้ แต่ความพร้อมคนเราไม่เหมือนกัน บางคนพร้อมที่อนุบาล 2 บางคนที่อนุบาล 3 หรือ ป.1 แต่พอดูผลภาพรวมแล้วเขามีความมั่นใจในการเรียนหนังสือ ระดับประถมศึกษาเราเน้นการอ่านออกเขียนได้ ซึ่งการอ่านออก เขียนได้ หรือภาษาไทย เป็นเครื่องมือในการไปเรียนวิชาอื่น”
“แต่ก่อนพอครูให้อ่านไม่ค่อยมีใครอยากอ่านเพราะไม่มีความมั่นใจ ทุกวันนี้พอครูยกชาร์ตให้อ่านเขามีความพร้อม มันเป็นการสร้างความมั่นใจให้เด็ก ทำให้เด็กรักในการเรียน และมีความสุขที่จะเรียนต่อไป” ผอ. อำนาจ เล่าด้วยน้ำเสียงแห่งความภาคภูมิใจ
“หลายปีที่ผ่านมาจำนวนเด็กนักเรียนที่เข้าเรียนในโรงเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นผลจากหลักสูตรนี้ พอผู้ปกครองเขาเห็นลูกเขาอ่านออก เขียนได้ ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจพาลูก พาหลานเข้าเรียนที่โรงเรียนเรา แทนที่จะให้ลูกไปเรียนที่อื่น”
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้เด็กนักเรียนรักในการเรียน ครูมีความสุขกับการสอน ผู้ปกครองมั่นใจที่จะส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนเล็กๆ ใกล้บ้าน โครงการอ่านออกเขียนได้ ทันใจประทับจิต ชีวิตมีคุณภาพ จึงเป็นดั่งกล่องของขวัญแห่งความสุข ความสนุกของโลกแห่งการเรียนรู้