เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ยังคงเป็นรอยแผลในความทรงจำของคนไทยและโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ของไทย อาทิ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ แม้วันเวลาจะผ่านไปนานกว่า 20 ปี แต่ความสูญเสียและบทเรียนที่เกิดขึ้นยังคงเป็นแรงผลักดันให้คนในพื้นที่และองค์กรที่เกี่ยวข้องพัฒนาศักยภาพในการรับมือภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ครั้งนั้นคือ นายตะวัน ทรายอ่อน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตะวันเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล “เหตุการณ์ตอนนั้นเกิดขึ้นเมื่อผมอายุ 1 ขวบ วันนั้นปู่กับพ่อออกเรือไปหาปลา ส่วนผมอยู่บ้าน คลื่นยักษ์ซัดเรือจนแตก พ่อว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งได้แต่ปู่จมหายไปกลางทะเล ไม่กี่นาทีต่อมา คลื่นมหึมาก็ซัดเข้าฝั่ง พาร่างของย่าและน้าผมกลับลงทะเลไป ผมรอดมาได้เพราะมีคนนำผมไปไว้บนต้นไม้”
หลังจากเหตุการณ์ ตะวันและครอบครัวต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศโศกเศร้า แต่ในความสิ้นหวังก็ยังมีแสงสว่าง มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือทั้งด้านการฟื้นฟูจิตใจและการส่งเสริมอาชีพ รวมถึงสนับสนุนโครงการอุปการะเด็กที่ช่วยให้ตะวันมีโอกาสศึกษาต่อจนถึงปัจจุบัน “ผมได้รับทุนจากโครงการส่งน้องจบ ป.ตรี และเลือกเรียนสาขาจัดการภัยพิบัติ เพราะอยากนำความรู้ด้านการคาดการณ์และป้องกันภัยธรรมชาติมาพัฒนาบ้านเกิด ผมหวังว่าความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ชุมชนของเราพร้อมรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต”
ด้าน ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวถึงบทบาทของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในการตอบสนองภัยพิบัติว่า “เหตุการณ์สึนามิ 2004 ถือเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตกว่า 230,000 รายใน 14 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เราดำเนินการช่วยเหลือตามแนวทาง First In, Last Out โดยในช่วงแรกเน้นการช่วยชีวิตและบรรเทาทุกข์ จากนั้นจึงมุ่งฟื้นฟูชุมชนในระยะยาว ทั้งการสร้างบ้าน ส่งเสริมอาชีพ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การปลูกป่าชายเลนทดแทน”
นอกจากการช่วยเหลือในช่วงวิกฤติแล้ว มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องในด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction: DRR) ผ่านการอบรมและถ่ายทอดความรู้ในพื้นที่ที่เคยประสบภัย เช่น ภาคใต้ของไทย เรามุ่งเน้นให้เด็ก ครอบครัว และชุมชนมีความรู้และความพร้อมเพื่อป้องกันภัยพิบัติในอนาคต
เรื่องราวของตะวัน ทรายอ่อน ตะวันเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในพันธกิจของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ที่ไม่เพียงช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ยังสร้างคนรุ่นใหม่ที่พร้อมส่งต่อความรู้และความช่วยเหลือให้แก่สังคม ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนและเกราะป้องกันภัยให้แก่ชุมชนอย่างแท้จริง
“ขอบคุณมากนะครับทีได้ดูแลเด็กคนหนึ่ง จนเติบโตมาถึงปัจจุบัน ต้องใชคำว่า ขอบคุณ เยอะมากเลยนะครับ ลึกๆ แล้วผมอยากจะเจอท่านสักครั้ง อยากคุย อยากขอบคุณ ที่ท่านได้ดูแล ปกป้อง ให้โอกาสเรียนหนังสือ มีโอกาสได้ออกมาพัฒนาตนเองและทำประโยชน์เพื่อคนอื่น ผมอยากขอบคุณท่านมากๆ นะครับ” ตะวัน กล่าวถึงผู้อุปการะ ทิ้งท้าย